ตระเวนเที่ยวเลียบทะเลและข้ามไปยังเกาะ

2 วัน 1 คืน
รถยนต์
ขับรถเลียบไปตามชายฝั่งเพื่อใกล้ชิดกับหุบเขาและชายฝั่งในอิโตอิกาวะซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตหยกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น วันรุ่งขึ้นนั่งเรือคาร์เฟอร์รีไปยังเกาะซาโดะ และเพลิดเพลินไปกับประวัติอันยาวนานและธรรมชาติของเกาะแห่งทองและเงิน
เริ่มต้น
1 ชั่วโมงโดยรถยนต์จากสถานีอิโตอิกาวะ

1

หุบเขาหยกแม่น้ำโคตาคิ

เต็มอิ่มไปกับธรรมชาติยิ่งใหญ่ที่บ้านเกิดของหยก

“หุบเขาหยกแม่น้ำโคตาคิ” เป็นแหล่งผลิตหยกเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นและมีสัญลักษณ์เป็นบ้านเกิดของหยกและแม่น้ำอิโตอิกาวะ ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติของญี่ปุ่น

ไม่อนุญาตให้เก็บหยกริมฝั่งแม่น้ำ แต่หยกจะไหลจากตรงนี้ไปตามแม่น้ำฮิเมะกาวะและซัดขึ้นชายฝั่งภายในเมือง ด้วยเหตุนี้ชายฝั่งใกล้ๆ จึงเรียกกันอีกอย่างว่าชายฝั่งหยกและจะเห็นคนมาเดินหาหยก

กล่าวกันว่าอัญมณีจะเริ่มแวววาวก็ต่อเมื่อได้เจียระไน แต่ลักษณะเด่นของหยกที่นี่คือความสวยงามตามธรรมชาติเพราะได้รับการเจียระไนโดยธรรมชาติจากสายน้ำของแม่น้ำ

หน้าผาใหญ่ของภูเขาเมียวโจที่ตั้งตระหง่านอยู่ในหุบเขาหยกแม่น้ำโคตาคิเป็นจุดปีนผาชื่อดัง และ “สระน้ำทาคานามิโนะอิเคะ” ที่มี “ภูเขาเมียวโจ” อยู่ด้านหลังก็เป็นทัศนียภาพที่สวยงามเช่นกัน บริเวณใกล้ๆ “สระน้ำทาคานามิโนะอิเคะ” มีทั้งร้านอาหารและร้านค้าด้วย

มีจุดชมวิวและสวนสำหรับตกปลา รวมถึงมีเส้นทางเดินเล่นเตรียมไว้เพื่อให้เพลิดเพลินกับเสน่ห์ของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ได้แบบเต็มอิ่มด้วย

15 นาทีโดยรถยนต์

2

สระน้ำทากานามิ โนะ อิเกะ

สถานที่ลับอันเงียบสงบที่จะช่วยเยียวยาจิตใจไปพร้อมกับการดื่มด่ำธรรมชาติอันกว้างใหญ่

ที่นี่เป็นสถานที่ที่ได้บรองให้เป็นอุทยานธรณีโลกของ UNESCO ตั้งอยู่ในพื้นที่ลับที่ระดับความสูง 540 เมตร โดยบ่อน้ำทาคานามิ (Takanami-no-Ike Pond) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งนี้มีความลึก 13 เมตรและมีน้ำตลอดทั้งปี ซึ่งสีสันของน้ำจะเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล

ทิวทัศน์อันงดงามของที่นี่คือต้นไม้บริเวณโดยรอบที่สะท้อนบนผิวน้ำในบ่อ และมีผาหินของภูเขาเมียวโจเป็นฉากหลัง คุณสามารถใช้เวลาอย่างผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ได้ อีกทั้ง บ่อน้ำแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของตำนานปลายักษ์ขนาดยาว 4 เมตรอีกด้วย

ภายในอุทยานยังมีบ้านพัก ร้านค้า ที่ตั้งแคมป์ และสนามกอล์ฟ นักท่องเที่ยวจึงสามารถเพลิดเพลินได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีโซนสำหรับตกปลาและหุบเขา จึงเป็นสถานที่ที่มีกิจกรรมทางนันทนาการมากมาย

40 นาทีโดยรถยนต์

3

ชายฝั่งหยก

ชายหาดที่อัญมณี “หยก” ถูกซัดขึ้นฝั่ง!

Itoigawa มีแนวชายฝั่งที่ไม่ใช่ทรายแต่มีหิน หินจำนวนมากเหล่านี้เกิดบนภูเขาอิโตอิกาวะ และเป็นเวลาหลายปีที่พวกมันถูกพัดพาไปตามแม่น้ำและลงสู่ทะเล ชายฝั่งที่มีหินหลากหลายชนิด เป็นที่รู้จักในชื่อ "ชายฝั่งหยก" และจะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน หากโชคดีอาจพบหยกก็เป็นได้

40 นาทีโดยรถยนต์

4

สถานีริมทาง "มารีนดรีม โน"

อัดแน่นไปด้วยอาหารทะเล !! จุดพักรถซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดปูหิมะแดงที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งทะเลญี่ปุ่น

จุดพักรถที่มีศูนย์จำหน่ายปลาใหญ่และ Kaniya Yokocho ตลาดปูหิมะแดงที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งทะเลญี่ปุ่น
ของฝากประจำจังหวัดนีงาตะก็มีอยู่มากมาย ทั้งยังมีร้านอาหารให้เพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลสดใหม่ เป็นจุดพักรถยอดนิยมที่ขับรถมาได้ง่ายๆ

จุดที่เราขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือ Kaniya Yokocho ที่เรียงรายไปด้วยร้านขายปูหิมะแดงซึ่งเป็นของขึ้นชื่อประจำเมือง Nou
ปูหิมะแดงเหล่านี้เป็นปูสดใหม่ที่จับขึ้นมาจากอ่าว Nou มีจุดเด่นเป็นรสชาติที่แตกต่างไปตามสูตรเกลือและเวลาต้มของแต่ละร้าน ทั้งยังมีบริการชิมฟรีให้เพลิดเพลินพลางพูดคุยไปกับป้าๆ คนขาย

สามารถนำปูที่ซื้อมารับประทานได้ที่ Kanikani Kan ซึ่งเป็นจุดพักผ่อนแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่อยู่ภายในบริเวณ นอกจากจะเพียบพร้อมไปด้วยจุดล้างมือแล้ว ยังมีกรรไกรแกะเนื้อปูและผ้าขนหนูเปียกให้ยืม ส่วนด้านหลัง Kaniya Yokocho ก็มีสวนสาธารณะริมทะเลที่น่ามานั่งรับประทานในวันที่อากาศดี วิวที่สวยงามของทะเลญี่ปุ่นจะช่วยให้ลิ้มรสปูได้อร่อยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนี้แล้ว ภายในบริเวณยังมีจุดน่าสนใจอยู่อีกมากมาย เช่น Etsuzanmaru หอเอกสารทางทะเลที่จัดแสดงเรือทรงคุณค่าซึ่งเคยถูกใช้ในฐานะเรือฝึกการออกทะเล และ Kaiyo พิพิธภัณฑ์ทางทะเลที่สามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของ Nou เมืองที่รุ่งเรืองขึ้นในฐานะเมืองแห่งการประมง

20 นาทีโดยรถยนต์

5

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโจเอ็ตสึ อุมิงาตาริ

Renovated in June, 2018, its nickname is "Umigatari." The aquarium has more megallanic penguins than any other in Japan, and you can see them up close! You can also watch the dolphins' exciting jumps against the backdrop of the great Sea of Japan. It's full of attractions to see.

พักค้างคืนในพื้นที่ใกล้เมือง

10 นาทีโดยรถยนต์ไปยังท่าเรือนาโอเอ็ตสึ
1 ชั่วโมง 20 นาที โดยเรือคาร์เฟอร์รีความเร็วสูง และลงที่ท่าเรือโอกิ
1 นาทีโดยรถยนต์

6

เรือทาไรบุเนะ

เพลิดเพลินกับการล่อง "อ่างไม้ทาไรบุเนะ" พร้อมชมทัศนียภาพของเกาะยาจิมะและเกาะเคียวจิมะ

เรืออ่างทาไรบุเนะ (Tarai Bune) เดิมทีเป็นเรือที่สร้างขึ้นเพื่อการตกปลาประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "อิโซเนกิเรียว" โดยคนท้องถิ่นจะนั่งเรือไปตามโขดหินรอบอ่าว แล้วใช้กล่องไม้ติดกระจกส่องหาปลาในน้ำ ก่อนจะใช้ฉมวกปลายแหลมจับปลาและสาหร่าย ว่ากันว่าเรืออ่างนี้ได้รับแนวคิดมาจากอ่างซักล้างในนสมัยก่อน และมีการพัฒนาจนเป็นเรืออ่างทาไรบุเนะในปัจจุบัน ซึ่งใช้จับสาหร่ายทะเล หอยเป๋าฮื้อ เปลือกหอยและอีกมากมายบริเวฯแนบปะการังแคบ ๆ บนชายฝั่งโอกิ

ศูนย์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ยาจิมะนั้นตั้งอยู่บริเวณด้านหลังเวิ้งอ่าวที่มองเห็นเกาะยาจิมะและเกาะเคียวจิมะ คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ล่องเรืออ่างทาไรบุเนะนี้ได้

มาล่องเรืออ่างทาไรบุเนะสำหรับการท่องเที่ยวไปพร้อมกับการชมทัศนียภาพอันงดงามราวกับภาพโปสการ์ดกันดีกว่า

25 นาทีโดยรถยนต์

7

นิชิมิกาวะ โกลด์พาร์ก

เหมืองทองคำที่มีประวัติยาวนานกว่าหนึ่งพันปี ได้ชื่อว่า "ลงทุนครั้งเดียวกำไรมหาศาล"

เกาะซาโดะเป็นเกาะที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะ "เกาะแห่งทองคำ" ตามที่ปรากฏในเอกสารโดยเป็นแหล่งผลิตผงทองคำตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 12

สวนทองคำซาโดะ นิชิมิคาวะ (Sado Nishimikawa Gold Park) เป็นพิพิธภัณฑ์กึ่งเวิร์คช็อปที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเหมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณ "เหมืองแร่ทองคำนิชิมิคาวะ (Nishimikawa Placer Gold Mine)" ซึ่งว่ากันว่าเป็นเหมืองที่เก่าแก่ที่สุดในซาโดะ

สำหรับคนที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นี้ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมเวิร์คช็อป "ประสบการณ์ร่อนทอง" ที่ในซาโดะมีเฉพาะที่นี่เท่านั้นได้ โดยผงทองคำที่ผ่านการร่อนแล้วสามารถนำมาทำเป็นสายรัด จี้ และอื่น ๆ ได้ (มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม)

หลังจากชมนิทรรศการมากมายในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว คุณสามารถแวะเพลิดเพลินกับการซื้อของได้ที่โซนร้านค้า โดยที่นี่มีจำหน่ายทั้งผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมอย่างขนมหวานที่ทำจากผลไม้และแป้งข้าวเจ้าที่ผลิตในท้องถิ่น รวมไปถึงขนมที่ปิดทองคำเปลวก็เหมาะจะซื้อไปเป็นของที่ระลึกด้วยเช่นกัน

50 นาทีโดยรถยนต์

8

ซากโบราณสถานเหมืองทองสะโดะคินซัง

ความโรแมนติกทางประวัติศาสตร์อันงดงามที่เปิดเผยโดยเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

เหมืองทองสะโดะคินซัง (Sado Gold Mine) เป็นเหมืองเงินและทองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 400 ปี โดยกล่าวกันว่าสร้างขึ้นเมื่อปี 1601 และได้มีการหยุดปฏิบัติงานในปี 1989 ปัจจุบันร่องรอยการทำอุตสาหกรรมเหมืองทองดังกล่าว อาทิ ปล่องเหมืองและโรงงานทำเหมืองได้รับเลือกเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และมรดกอุตสาหกรรมสมัยใหม่ รวมถึงสถานที่แห่งนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรายการมรดกโลกของ UNESCO อีกด้วย

การเที่ยวชมภายในซากโบราณสถานนี้มี 2 เส้นทางที่ไม่ต้องจองและเยี่ยมชมได้อิสระ (ใช้เวลาเส้นทางละประมาณ 30-40 นาที) สำหรับใครที่มีความสนใจในประวัติศาสตร์ของเหมือง หรือเดินทางมาเป็นหมู่คณะใหญ่ ขอแนะนำให้ใช้บริการไกด์ทัวร์ทั้ง 2 รายการ

บริการไกด์ทัวร์นั้นจำเป็นต้องจองล่วงหน้า ซึ่งเปิดตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน โดยทัวร์แต่ละรอบใช้เวลาเส้นทางละประมาณ 70-100 นาที แบ่งเป็นทัวร์ที่รับเฉพาะหมู่คณะ 10 คนขึ้นไปและเป็นระดับนักเรียนชั้นประถมขึ้นไป และอีกทัวร์คือเปิดรับเฉพาะะผู้เยี่ยมชมที่มีจำนวนไม่เกิน 10 คนและเป็นระดับนักเรียนมัธยมต้นขึ้นไปเท่านั้น

นอกจากนี้ ซากโรงงานแยกโลหะด้วยวิธีการลอยแร่คิตะซาว่า (Kitazawa Flotation Plant Ruins) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเหมืองทองซาโดะ ยังจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่คุณสามารถสัมผัสโลกอนิเมะเรื่อง “ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา” (Castle in the Sky) ของฮายาโอะ มิยาซากิอีกด้วย ซึ่งโรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่แห่งแรกในญี่ปุ่นที่ใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตทองแดง การสกัดทองคำและเงิน จนประสบความสำเร็จสามารถนำไปใช้งานได้จริงอีกด้วย

เป้าหมาย