ตระเวนเที่ยวเลียบทะเลและข้ามไปยังเกาะ



1
หุบเขาหยกแม่น้ำโคตาคิ
-
“หุบเขาหยกแม่น้ำโคตาคิ” เป็นแหล่งผลิตหยกเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นและมีสัญลักษณ์เป็นบ้านเกิดของหยกและแม่น้ำอิโตอิกาวะ ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติของญี่ปุ่น
ไม่อนุญาตให้เก็บหยกริมฝั่งแม่น้ำ แต่หยกจะไหลจากตรงนี้ไปตามแม่น้ำฮิเมะกาวะและซัดขึ้นชายฝั่งภายในเมือง ด้วยเหตุนี้ชายฝั่งใกล้ๆ จึงเรียกกันอีกอย่างว่าชายฝั่งหยกและจะเห็นคนมาเดินหาหยก
กล่าวกันว่าอัญมณีจะเริ่มแวววาวก็ต่อเมื่อได้เจียระไน แต่ลักษณะเด่นของหยกที่นี่คือความสวยงามตามธรรมชาติเพราะได้รับการเจียระไนโดยธรรมชาติจากสายน้ำของแม่น้ำ
หน้าผาใหญ่ของภูเขาเมียวโจที่ตั้งตระหง่านอยู่ในหุบเขาหยกแม่น้ำโคตาคิเป็นจุดปีนผาชื่อดัง และ “สระน้ำทาคานามิโนะอิเคะ” ที่มี “ภูเขาเมียวโจ” อยู่ด้านหลังก็เป็นทัศนียภาพที่สวยงามเช่นกัน บริเวณใกล้ๆ “สระน้ำทาคานามิโนะอิเคะ” มีทั้งร้านอาหารและร้านค้าด้วย
มีจุดชมวิวและสวนสำหรับตกปลา รวมถึงมีเส้นทางเดินเล่นเตรียมไว้เพื่อให้เพลิดเพลินกับเสน่ห์ของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ได้แบบเต็มอิ่มด้วย
2
สระน้ำทากานามิ โนะ อิเกะ
-
ที่นี่เป็นสถานที่ที่ได้บรองให้เป็นอุทยานธรณีโลกของ UNESCO ตั้งอยู่ในพื้นที่ลับที่ระดับความสูง 540 เมตร โดยบ่อน้ำทาคานามิ (Takanami-no-Ike Pond) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งนี้มีความลึก 13 เมตรและมีน้ำตลอดทั้งปี ซึ่งสีสันของน้ำจะเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล
ทิวทัศน์อันงดงามของที่นี่คือต้นไม้บริเวณโดยรอบที่สะท้อนบนผิวน้ำในบ่อ และมีผาหินของภูเขาเมียวโจเป็นฉากหลัง คุณสามารถใช้เวลาอย่างผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ได้ อีกทั้ง บ่อน้ำแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของตำนานปลายักษ์ขนาดยาว 4 เมตรอีกด้วย
ภายในอุทยานยังมีบ้านพัก ร้านค้า ที่ตั้งแคมป์ และสนามกอล์ฟ นักท่องเที่ยวจึงสามารถเพลิดเพลินได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีโซนสำหรับตกปลาและหุบเขา จึงเป็นสถานที่ที่มีกิจกรรมทางนันทนาการมากมาย
3
ชายฝั่งหยก
-
Itoigawa มีแนวชายฝั่งที่ไม่ใช่ทรายแต่มีหิน หินจำนวนมากเหล่านี้เกิดบนภูเขาอิโตอิกาวะ และเป็นเวลาหลายปีที่พวกมันถูกพัดพาไปตามแม่น้ำและลงสู่ทะเล ชายฝั่งที่มีหินหลากหลายชนิด เป็นที่รู้จักในชื่อ "ชายฝั่งหยก" และจะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน หากโชคดีอาจพบหยกก็เป็นได้
4
สถานีริมทาง "มารีนดรีม โน"
-
จุดพักรถที่มีศูนย์จำหน่ายปลาใหญ่และ Kaniya Yokocho ตลาดปูหิมะแดงที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งทะเลญี่ปุ่น
ของฝากประจำจังหวัดนีงาตะก็มีอยู่มากมาย ทั้งยังมีร้านอาหารให้เพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลสดใหม่ เป็นจุดพักรถยอดนิยมที่ขับรถมาได้ง่ายๆ
จุดที่เราขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือ Kaniya Yokocho ที่เรียงรายไปด้วยร้านขายปูหิมะแดงซึ่งเป็นของขึ้นชื่อประจำเมือง Nou
ปูหิมะแดงเหล่านี้เป็นปูสดใหม่ที่จับขึ้นมาจากอ่าว Nou มีจุดเด่นเป็นรสชาติที่แตกต่างไปตามสูตรเกลือและเวลาต้มของแต่ละร้าน ทั้งยังมีบริการชิมฟรีให้เพลิดเพลินพลางพูดคุยไปกับป้าๆ คนขาย
สามารถนำปูที่ซื้อมารับประทานได้ที่ Kanikani Kan ซึ่งเป็นจุดพักผ่อนแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่อยู่ภายในบริเวณ นอกจากจะเพียบพร้อมไปด้วยจุดล้างมือแล้ว ยังมีกรรไกรแกะเนื้อปูและผ้าขนหนูเปียกให้ยืม ส่วนด้านหลัง Kaniya Yokocho ก็มีสวนสาธารณะริมทะเลที่น่ามานั่งรับประทานในวันที่อากาศดี วิวที่สวยงามของทะเลญี่ปุ่นจะช่วยให้ลิ้มรสปูได้อร่อยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้แล้ว ภายในบริเวณยังมีจุดน่าสนใจอยู่อีกมากมาย เช่น Etsuzanmaru หอเอกสารทางทะเลที่จัดแสดงเรือทรงคุณค่าซึ่งเคยถูกใช้ในฐานะเรือฝึกการออกทะเล และ Kaiyo พิพิธภัณฑ์ทางทะเลที่สามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของ Nou เมืองที่รุ่งเรืองขึ้นในฐานะเมืองแห่งการประมง
5
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโจเอ็ตสึ อุมิงาตาริ
-
"Umigatari" สร้างคุณค่าใหม่พร้อมทั้งสืบทอดประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในเมือง Joetsu ที่เริ่มต้นในปี 1934
ที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจทั้งบริเวณที่มีนกเพนกวินมาเจลลันมากที่สุดในญี่ปุ่น อุโมงค์ใต้น้ำ 360 องศาที่ทำจากแก้วอะคริลิก และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่รวบรวมเสน่ห์ของทะเลญี่ปุ่นยกเอามาไว้ตรงหน้าคุณ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ซึ่งจำลองภูมิประเทศใต้น้ำในสเกล 1/10,000 ช่วยให้คุณได้เห็นสิ่งมีชีวิตกว่า 38,000 ตัวจาก 50 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงฝูงปลาซาร์ดีนและปลานกแก้วจากมุมต่างๆ
นอกจากการแสดงโลมาอันน่าทึ่งในสระน้ำที่ดูเหมือนเชื่อมต่อกับทะเลญี่ปุ่นแล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลิน กับกิจกรรมต่างๆ มากมายจัดขึ้นทุกฤดูกาลได้ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ที่ชั้นบนสุดยังมีพื้นที่เปิดโล่งที่สามารถผิวน้ำของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่และเส้นขอบฟ้าของมหาสมุทรซ้อนทับกันได้
มาดื่มด่ำไปกับความยิ่งใหญ่ของทะเลญี่ปุ่นที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละฤดูกาล ขณะสัมผัสกับเสียงคลื่นลม และพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม
10 นาทีโดยรถยนต์ไปยังท่าเรือนาโอเอ็ตสึ
1 ชั่วโมง 20 นาที โดยเรือคาร์เฟอร์รีความเร็วสูง และลงที่ท่าเรือโอกิ
1 นาทีโดยรถยนต์
6
เรือทาไรบุเนะ
-
เรืออ่างทาไรบุเนะ (Tarai Bune) เดิมทีเป็นเรือที่สร้างขึ้นเพื่อการตกปลาประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "อิโซเนกิเรียว" โดยคนท้องถิ่นจะนั่งเรือไปตามโขดหินรอบอ่าว แล้วใช้กล่องไม้ติดกระจกส่องหาปลาในน้ำ ก่อนจะใช้ฉมวกปลายแหลมจับปลาและสาหร่าย ว่ากันว่าเรืออ่างนี้ได้รับแนวคิดมาจากอ่างซักล้างในนสมัยก่อน และมีการพัฒนาจนเป็นเรืออ่างทาไรบุเนะในปัจจุบัน ซึ่งใช้จับสาหร่ายทะเล หอยเป๋าฮื้อ เปลือกหอยและอีกมากมายบริเวฯแนบปะการังแคบ ๆ บนชายฝั่งโอกิ
ศูนย์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ยาจิมะนั้นตั้งอยู่บริเวณด้านหลังเวิ้งอ่าวที่มองเห็นเกาะยาจิมะและเกาะเคียวจิมะ คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ล่องเรืออ่างทาไรบุเนะนี้ได้
มาล่องเรืออ่างทาไรบุเนะสำหรับการท่องเที่ยวไปพร้อมกับการชมทัศนียภาพอันงดงามราวกับภาพโปสการ์ดกันดีกว่า
7
นิชิมิกาวะ โกลด์พาร์ก
-
เกาะซาโดะเป็นเกาะที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะ "เกาะแห่งทองคำ" ตามที่ปรากฏในเอกสารโดยเป็นแหล่งผลิตผงทองคำตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 12
สวนทองคำซาโดะ นิชิมิคาวะ (Sado Nishimikawa Gold Park) เป็นพิพิธภัณฑ์กึ่งเวิร์คช็อปที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเหมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณ "เหมืองแร่ทองคำนิชิมิคาวะ (Nishimikawa Placer Gold Mine)" ซึ่งว่ากันว่าเป็นเหมืองที่เก่าแก่ที่สุดในซาโดะ
สำหรับคนที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นี้ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมเวิร์คช็อป "ประสบการณ์ร่อนทอง" ที่ในซาโดะมีเฉพาะที่นี่เท่านั้นได้ โดยผงทองคำที่ผ่านการร่อนแล้วสามารถนำมาทำเป็นสายรัด จี้ และอื่น ๆ ได้ (มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม)
หลังจากชมนิทรรศการมากมายในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว คุณสามารถแวะเพลิดเพลินกับการซื้อของได้ที่โซนร้านค้า โดยที่นี่มีจำหน่ายทั้งผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมอย่างขนมหวานที่ทำจากผลไม้และแป้งข้าวเจ้าที่ผลิตในท้องถิ่น รวมไปถึงขนมที่ปิดทองคำเปลวก็เหมาะจะซื้อไปเป็นของที่ระลึกด้วยเช่นกัน
8
ซากโบราณสถานเหมืองทองสะโดะคินซัง
-
เหมืองทองสะโดะคินซัง (Sado Gold Mine) เป็นเหมืองเงินและทองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 400 ปี โดยกล่าวกันว่าสร้างขึ้นเมื่อปี 1601 และได้มีการหยุดปฏิบัติงานในปี 1989 ปัจจุบันร่องรอยการทำอุตสาหกรรมเหมืองทองดังกล่าว อาทิ ปล่องเหมืองและโรงงานทำเหมืองได้รับเลือกเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และมรดกอุตสาหกรรมสมัยใหม่ รวมถึงสถานที่แห่งนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรายการมรดกโลกของ UNESCO อีกด้วย
การเที่ยวชมภายในซากโบราณสถานนี้มี 2 เส้นทางที่ไม่ต้องจองและเยี่ยมชมได้อิสระ (ใช้เวลาเส้นทางละประมาณ 30-40 นาที) สำหรับใครที่มีความสนใจในประวัติศาสตร์ของเหมือง หรือเดินทางมาเป็นหมู่คณะใหญ่ ขอแนะนำให้ใช้บริการไกด์ทัวร์ทั้ง 2 รายการ
บริการไกด์ทัวร์นั้นจำเป็นต้องจองล่วงหน้า ซึ่งเปิดตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน โดยทัวร์แต่ละรอบใช้เวลาเส้นทางละประมาณ 70-100 นาที แบ่งเป็นทัวร์ที่รับเฉพาะหมู่คณะ 10 คนขึ้นไปและเป็นระดับนักเรียนชั้นประถมขึ้นไป และอีกทัวร์คือเปิดรับเฉพาะะผู้เยี่ยมชมที่มีจำนวนไม่เกิน 10 คนและเป็นระดับนักเรียนมัธยมต้นขึ้นไปเท่านั้น
นอกจากนี้ ซากโรงงานแยกโลหะด้วยวิธีการลอยแร่คิตะซาว่า (Kitazawa Flotation Plant Ruins) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเหมืองทองซาโดะ ยังจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่คุณสามารถสัมผัสโลกอนิเมะเรื่อง “ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา” (Castle in the Sky) ของฮายาโอะ มิยาซากิอีกด้วย ซึ่งโรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่แห่งแรกในญี่ปุ่นที่ใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตทองแดง การสกัดทองคำและเงิน จนประสบความสำเร็จสามารถนำไปใช้งานได้จริงอีกด้วย