สนุกสนานเต็มที่ทั้งในเมืองท่าอย่างนีงาตะพร้อมเที่ยวเกาะซาโดะ!



1
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมภาคเหนือ
-
อนุรักษ์และเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมอดีตคฤหาสน์ของเจ้าของที่ดินในเอะจิโกะ คฤหาสน์อันหรูหรางดงามจนทำให้คุณแทบจะลืมหายใจนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 8 ปี ภายในอาณาเขตกว้างใหญ่ถึง 8,800 สึโบะ (0.03 ตารางกิโลเมตร) มีสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น อาคารหลักสำหรับอยู่อาศัย ห้องจัดเลี้ยง ห้องชงชา และโกดัง รวมถึงสวนแบบจิเซนไคยูชิคิ (สวนที่มีสระน้ำใหญ่อยู่ตรงกลาง) ซึ่งออกแบบโดยนักจัดสวนชื่อดัง แถมยังสามารถชมคอลเลกชันผลงานศิลปะที่รวบรวมโดยเจ้าของบ้านหลายต่อหลายรุ่นได้อีกด้วย
ในสวนกลางมีดอกวิสทีเรียที่แผ่กิ่งก้านสาขามาจากต้นไม้เพียงต้นเดียว ดอกไม้สีม่วงอ่อนจะผลิบานส่งกลิ่นหอมในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมเป็นประจำทุกปี สวนในเดือนพฤศจิกายนจะถูกแต่งแต้มสีสันด้วยใบไม้เปลี่ยนสีราวกับยกภูเขาสวยที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีมาตั้ง ไม่ควรพลาดชมสีสันของสวนแบบจิเซนไคยูชิคิที่มองเห็นจากห้องจัดเลี้ยงขนาด 100 เสื่อ ในช่วงเหมาะกับการชมดอกวิสทีเรียและใบไม้เปลี่ยนสีจะมีการประดับไฟเพื่อสร้างให้เกิดบรรยากาศน่าอัศจรรย์ ที่นี่บรรยากาศดีทั้งสี่ฤดูและมาเพลิดเพลินได้เสมอ เพราะนอกจากดอกวิสทีเรียกับใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งเป็นที่นิยมแล้ว ยังมีซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกบัวในฤดูร้อน และหิมะในฤดูหนาวด้วย
ทั้งยังมีร้านต่างๆ อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านจำหน่ายสินค้าของฝาก ร้านกาแฟ ร้านอาหาร (ต้องจอง) หรือที่พัก (ต้องจอง) เป็นต้น จึงอยากเชิญคุณมาค่อยๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์และความงามของนีงาตะ
2
สะพานบันได
-
สะพานบันไดทอดข้าม “แม่น้ำชินาโนะ” อันเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ลักษณะพิเศษอยู่ตรงความแข็งแรงของโครงสร้างหินและสะพานโค้งสวยงามที่ทอดยาวต่อกัน ประดับตกแต่งด้วยหินแกรนิตทำให้มีเสน่ห์และสร้างบรรยากาศงดงาม
สะพานบันไดในปัจจุบันเป็นรุ่นที่สามซึ่งก่อสร้างขึ้นมาแทนที่ในปี 1929 เพื่อรองรับการเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของเมืองและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2004 ที่นี่เป็นสะพานที่ทอดข้ามทางหลวงและได้รับเลือกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญเป็นอันดับ 2 ถัดจากสะพานนิฮงบาชิในโตเกียว สะพานยาว 306.9 เมตร และกว้าง 22.0 เมตร ทั้งยังได้สนับสนุนผู้คนที่รอดพ้นผ่านแผ่นดินไหวในนีงาตะเมื่อปี 1964 ด้วย
มีรถเยอะเพราะเป็นเส้นทางจราจรหลัก แต่มีทางเดินกว้างเตรียมเอาไว้ให้สามารถเดินข้ามได้ด้วย อีกทั้งวิวสะพานบันไดที่มองจากทางเดินเล่นเลียบแม่น้ำชินาโนะก็สุดวิเศษ อย่าพลาดลองมาเดินเล่นสบายๆ พลางชมวิวสะพานบันไดกัน รวมถึงขอแนะนำเรือโดยสารที่จะล่องไปตามแม่น้ำชินาโนะด้วย
3
โทคิเมซเซะ
-
โทคิเมซเซะเป็นศูนย์ประชุมอเนกประสงค์ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชินาโนะที่ไหลลงสู่ทะเลญี่ปุ่น
ภาพเงาของตึกที่จินตนาการมาจากเรือนั้นจะสะท้อนอยู่บนผิวน้ำอย่างสวยงามและรังสรรค์ให้เกิดทิวทัศน์เมืองขนาดใหญ่ที่ได้รับการขัดเกลาจนมีความงดงาม
เป็นศูนย์ประชุมอเนกประสงค์ชั้นนำของประเทศที่มีห้องจัดนิทรรศการแบบมาตรฐาน ห้องประชุมขนาดใหญ่และเล็ก 13 ห้อง รวมถึงโรงแรมเอาไว้อย่างครบถ้วน จึงสามารถจัดงานประชุม งานเลี้ยง และพักค้างแรมได้อย่างราบรื่นภายในอาคารแห่งเดียว
“ห้องชมวิว Befco Bakauke” บนชั้น 31 ของอาคารบันไดจิมะ โทคิเมซเซะนั้นอยู่บนความสูงประมาณ 125 เมตรเหนือพื้นดินซึ่งสูงที่สุดในฝั่งทะเลญี่ปุ่น สามารถชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศาของตัวเมืองนีงาตะ ทะเลญี่ปุ่น เกาะสะโดะ และทิวเขาโกซุได้ฟรี
สามารถรับข้อมูลท่องเที่ยวนีงาตะและแผ่นพับ ฯลฯ ได้จากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ อย่าลืมลองมาใช้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ กันให้ได้ค่ะ
1 ชั่วโมง 5 นาทีโดยเรือเจ็ตฟอยล์จากท่าเรือนีงาตะ และลงที่ท่าเรือเรียวสึ
1 ชั่วโมงโดยรถยนต์
4
ซากโบราณสถานเหมืองทองสะโดะคินซัง
-
เหมืองทองสะโดะคินซังเป็นเหมืองเงินและทองที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในยุคใหม่ มีประวัติศาสตร์เกือบ 400 ปีโดยกล่าวกันว่าสร้างขึ้นเมื่อปี 1601 เจริญรุ่งเรืองและเสื่อมถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหยุดปฏิบัติงานในปี 1989 อุโมงค์ในเหมืองแร่ ร่องรอยการขุดและร่องรอยการทำอุตสาหกรรมได้รับเลือกเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และมรดกอุตสาหกรรมสมัยใหม่ รวมถึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของมรดกโลกด้วย
มีทิวทัศน์เหมือนหลงเข้าไปอยู่ในฉากของอนิเมะเรื่อง “ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา (Castle in the Sky)” ของฮายาโอะ มิยาซากิ ทั้งยังได้รับความนิยมในหมู่คนรักซากโบราณสถานและซากปรักหักพัง มีจุดเหมาะถ่ายภาพมากมายและมีคนไม่น้อยเลยที่บอกว่า “เที่ยวได้ทั้งวันโดยไม่มีเบื่อ”
การตระเวนเที่ยวภายในซากโบราณสถานมี 2 เส้นทางที่ไม่ต้องจองและเยี่ยมชมได้อิสระ (ใช้เวลาเส้นทางละประมาณ 30-40 นาที) รวมถึง 2 เส้นทางพร้อมไกด์ที่ต้องจอง (ทั้งสองเส้นทางจะใช้เวลาประมาณ 100 นาที) เส้นทางเยี่ยมชมอิสระไม่มีวันหยุดตลอดทั้งปี ส่วนเส้นทางพร้อมไกด์มีเงื่อนไขต่างๆ เช่น เปิดเฉพาะเดือนเมษายน - พฤศจิกายน รับเฉพาะหมู่คณะ (10 คนขึ้นไป) หรือสำหรับผู้เชี่ยวชาญ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) จึงต้องวางแผนล่วงหน้าไว้ให้ดี
5
ดอกโทบิชิมะคันโซแห่งโอโนะกะเมะ
-
“โอโนะกะเมะ” ที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่นนั้นมีความสูง 167 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและเป็นหินขนาดใหญ่มากก้อนเดียวรูปร่างคล้ายเต่า ได้รับ 2 ดาวในคู่มือท่องเที่ยวของมิชลินชื่อ “มิชลินกรีนไกด์เจแปน”
โอโนะกะเมะมีหมู่ดอกโทบิชิมะคันโซขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นให้ได้ชมกัน ช่วงน่าชมจะเป็นปลายเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนมิถุนายน ไฮไลต์อยู่ตรงพรมสีเหลืองที่แผ่กว้างปกคลุมไปทั่วบริเวณ
มีเส้นทางเดินเล่นและสามารถเดินไปจนถึงจุดสูงสุดได้ ฉะนั้นแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่เดินได้สะดวกไป (บางครั้งอาจปิดการสัญจรเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย)
ทัศนียภาพที่มองเห็นแบบสุดลูกหูลูกตาจากโอโนะกะเมะก็มีความงดงาม แต่วิวของโอโนะกะเมะที่มองเห็นจากไกลๆ ก็มีความวิเศษไม่แพ้กัน ดังนั้นอย่าลืมไปชมกันให้ได้ค่ะ