ปลาคาร์ปหลากสีและช่างตีเหล็ก คุณสามารถสัมผัสกับอุตสาหกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
1
นิชิกิโกอิ โนะ ซาโตะ
-
เมือง Ojiya เป็นต้นกำเนิดของ Nishikigoi ปลาคาร์ปสีสันสดใสที่เป็นเหมือนกับอัญมณีที่ว่ายน้ำได้
Nishikigoi ตัวแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนจากการกลายพันธุ์อย่างกระทันหัน หลังจากนั้นก็ได้รับการค้นคว้าและปรับปรุงสายพันธุ์เรื่อยมาโดยชาวเมือง Ojiya จนกลายมาเป็นสายพันธุ์ปลาสวยงามในที่สุด และได้รับการระบุให้เป็นปลาสวยงามประจำจังหวัดนีงาตะในวันที่ 5 พฤษภาคม 2017
Nishikigoi no Sato เป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของ Nishikigoi ดังกล่าว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพลักดันให้มันเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ภายในอาคารมีสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งด้วยสะพานและน้ำตก สามารถชื่นชม Nishikigoi กว่า 200 ตัวจาก 15 สายพันธุ์ชั้นเลิศได้อย่างใกล้ชิด
2
โรงงานซุวาดะ (โรงงานแบบเปิด)
-
เมืองซันโจเป็นบริเวณที่โด่งดังในฐานะแหล่งผลิตของมีคมชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น
Suwada Seisakusho ตั้งอยู่ในเมืองซันโจดังกล่าว เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1926 โดยเน้นผลิตของมีคมทรงก้ามปูเป็นหลัก
หลังจากแผ่นดินไหวใหญ่คันโต (ปี 1923) บริษัทนี้ก็ได้หันมาผลิต Kuikiri (เครื่องมือตัดหัวตะปูและหัวน็อต) ให้กับเหล่าช่างไม้เพื่อช่วยในการฟื้นฟูที่อยู่อาศัย
ตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบไปจนถึงการเลือกวัสดุนั้นทำขึ้นโดยช่างผู้มากประสบการณ์ เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สวยงามและใช้งานได้จริง ได้รับคำชื่นชมอย่างสูงจากทั้งในและนอกญี่ปุ่น
Suwada Seisakusho มีทัวร์ทัศนศึกษาที่สามารถชมขั้นตอนการผลิตได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่การเลือกวัสดุไปจนถึงเสร็จสิ้นการผลิต
เป็นโอกาสสุดพิเศษที่จะได้สัมผัสกับทักษะช่างดั้งเดิมผ่านตา หู ร่างกาย และจิตใจของคุณเอง
นอกจากนี้ ร้านสินค้าโรงงาน ร้านอาหาร และคาเฟ่ก็มีให้ใช้บริการอยู่เช่นกัน สามารถมาเพลิดเพลินอย่างสบายๆ หลังจากเสร็จการทัวร์
3
ซันโจ คาจิโดโจ
-
Sanjo Kaji Dojo เป็นสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับศาสตร์ตีเหล็กดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาในเมืองซันโจ
ตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองซันโจได้เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์โลหะ ศาสตร์การตีเหล็กที่เป็นรากฐานของอุตสาหกรรมดังกล่าวก็ยังคงได้รับการสืบทอดมาถึงปัจจุบัน เป็นบริเวณที่ให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณการสร้างสิ่งของ และมุ่งที่จะพัฒนาให้เติบโตยิ่งขึ้น
เหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสศาสตร์ตีเหล็กดั้งเดิมผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายใต้คำชี้แนะของช่างตีเหล็กมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตะปูญี่ปุ่น สร้างมีดตัดกระดาษ หรือลับมีด
4
สถานีริมทาง “ศูนย์ผลิตสินค้าท้องถิ่นสึบาเมะซันโจ”
-
Tsubamesanjo Jibasan Center ตั้งอยู่ในสึบาเมะซันโจที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าโลหะอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นพิพิธภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นที่จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 10,000 ชิ้น เช่น หม้อ ของใช้ในครัว ของมีคม และภาชนะตะวันตก ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศก็มีอยู่มาก ประกอบกับมีร้านค้ายกเว้นภาษี จึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากๆ นอกจากนี้ยังได้รับการระบุให้เป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวอีกด้วย
25 นาทีโดยรถยนต์
5
สวนยาฮิโกะ
-
สวนสาธารณะที่คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นด้วยน้ำตก ลำธารบนภูเขา และอุโมงค์
ตั้งอยู่ใกล้สถานี Yahiko และมีพื้นที่ประมาณ 130,000 ตารางเมตร
เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง "หุบเขาโมมิจิ"
ทิวทัศน์ของสะพานคังเก็ตสึสีแดงและใบไม้เปลี่ยนสีจะช่วยปลอบประโลมจิตใจของผู้มาเยือน
ในตอนกลางคืน ใบไม้เปลี่ยนสีจะสว่างไสว ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นโลกแห่งเวทย์มนตร์
เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียง เริ่มตั้งแต่พันธุ์ Somei Yoshino ในเดือนเมษายน
ช่วงเวลาที่บานสะพรั่งยาวนาน โดยจะบานเป็นสองเท่าในเดือนพฤษภาคม และคุณยังสามารถเพลิดเพลินกับ Satozakura พันธุ์หายากได้อีกด้วย
เมื่อคุณเริ่มรู้สึกถึงการมาถึงของฤดูร้อน คุณยังสามารถชมหิ่งห้อยที่สวนสาธารณะยาฮิโกะได้อีกด้วย
หิ่งห้อยที่รวมตัวกันบริเวณริมน้ำที่สะอาดไม่เพียงแต่ในสวนสาธารณะยาฮิโกะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแม่น้ำที่อยู่รอบๆ อีกด้วย ทำให้ผู้คนที่มาชมหิ่งห้อยรู้สึกผ่อนคลาย
[รายละเอียดสิ่งอำนวยความสะดวก]
●ภาพรวมสิ่งอำนวยความสะดวก: พื้นที่พักผ่อน พื้นที่ออกกำลังกาย ทางเดินเล่น ห้องน้ำในสวนสาธารณะ
【ดอกซากุระ】
●จำนวนดอกซากุระ: โซเมอิ โยชิโนะ, ยาเอซากุระ ประมาณ 1,000 ต้น
6
ศาลเจ้ายาฮิโกะ
-
ศาลเจ้ายาฮิโกะ (Yahiko Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ได้รับการศรัทธามาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะศาลเจ้าระดับสูงในเอจิโกะ ศาลเจ้านี้มีอีกชื่อเรียกว่า “โอยาฮิโกะซามะ” อีกทั้งยังมีผู้เยี่ยมชมในฐานะศาลเจ้าแห่งแรกของปีมากกว่า 200,000 คนทุกปี
ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งนี้ว่ากันว่าสร้างขึ้นมานานกว่า 2,400 ปีแล้ว ถึงขนาดมีการจารึกไว้ใน "มันโยชุโบราณ" หรือคำกลอนโบราณของญี่ปุ่น เทพเจ้าที่สถิตย์อยู่ที่แห่งนี้คืออาเมะโนะคาโงะยามะโนะมิโคโตะ ซึ่งเป็นเหลนของเทพธิดาอามาเทราสึ โดยที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องดวงเรื่องความรัก
ศาลเจ้าแห่งนี้สามารถเดินได้จากสถานี JR Yahiko จึงสามารถแวะเวียนไปได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถขับรถโดยใช้เส้นทาง Sanjo Tsubame IC และบริเวณใกล้เคียงมีลานจอดรถฟรีอีกด้วย
ศาลเจ้ายาฮิโกะมีป่าที่ได้รับการอนุรักษ์ ซึ่งบริเวณที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ยังให้บรรยากาศร่มรื่น ที่นี่นอกจากจะมีชื่อเสียงในฐานะจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ยังสามารถสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี
ภายในศาลเจ้านั้นมีหินไฟทรงกลม (หรือเรียกว่าหินโอโมคารุ) ว่ากันว่าเป็นหินที่สามารถทำนายได้ว่าความปรารถนาของคุณจะเป็นจริงหรือไม่ ขึ่นอยู่กับน้ำหนักของหินที่อุ้ม อย่าลืมแวะไปลองอุ้มกันดูนะ
และสำหรับใครที่ต้องการเพลิดเพลินกับบรรยากาศอันสุดพิเศษของศาลเจ้านี้ ขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมตั้งแต่เช้าตรู่ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีคนน้อย เนื่องจากที่นี่เป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจังหวัดนีงาตะ
สุดท้ายนี้ ขอแนะนำให้แวะไปสักการะที่ยอดเขายาฮิโกะด้วย เนื่องจากบริเวณนั้นยังมีที่ประดิษฐานของเทพเจ้าอาเมะโนะคาโงะยามะโนะมิโคโตะและภรรยาของเขา สามารถเดินจากศาลเจ้าเพียง 10 นาที จากนั้นขึ้นกระเช้าลอยฟ้าสถานี Yahiko เพื่อมุ่งไปยังยอดเขาได้ นอกจากนี้ยังมีบริการรถรับส่งฟรีจากศาลเจ้าไปยังสถานีกระเช้าอีกด้วย และสำหรับใครที่เดินทางไปด้วยรถยนต์ สามารถขับไปทางยาฮิโกะสกายไลน์ (Yahiko Sky Line) ได้อีกด้วย
7
ภูเขายะฮิโกะ
-
ภูเขายะฮิโกะมีความสูง 634 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเท่ากับโตเกียวสกายทรี เดินประมาณ 15 นาทีจากสถานียะฮิโกะ ปีนง่ายแม้แต่มือใหม่ก็ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาทีจากทางขึ้นเขาโอโมเตะซันโดจนถึงยอดเขาจึงมีคนมาปีนเขากันมากมาย มีทั้งกระเช้าลอยฟ้ายะฮิโกะยามะและถนนยะฮิโกะยามะสกายไลน์ การสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้ง่ายๆ ก็เป็นเหตุผลของความนิยม สร้างทางเดินบนเขาไว้สวยงามเดินได้ง่ายจึงแนะนำสำหรับเด็กๆ ที่เพิ่งเริ่มปีนเขาเป็นครั้งแรกด้วย และวางใจได้เพราะหากเหนื่อยขากลับก็สามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าลงเขาได้
ในสวนยอดเขายะฮิโกะตั้งอยู่บนชั้นที่เก้าของภูเขายะฮิโกะมีร้านอาหารชมวิวและ “พาโนรามาทาวเวอร์” อันเป็นหอคอยชมวิวสูง 100 เมตร แบบยกขึ้นลงและหมุนได้ คุณจึงสามารถทอดสายตาชมทัศนียภาพของที่ราบเอะจิโกะและทะเลญี่ปุ่นได้ ยามค่ำคืนจะได้เพลิดเพลินกับดาวพราวพร่างฟ้าและทิวทัศน์กลางคืนที่เปล่งกระกายของที่ราบเอะจิโกะซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในร้อยอันดับวิวราตรีของญี่ปุ่นและเป็นมรดกทางวิวราตรีของญี่ปุ่น
บนยอดเขามีโกะชินเบียว (สุสานบูชาเทพ) และโอคุมิยะ (ศาลเจ้าทางด้านหลัง) ของศาลเจ้าอิยะฮิโกะ อย่าลืมลองมาสัมผัสกับพลังธรรมชาติของภูเขายะฮิโกะและบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้รับการบูชาในฐานะภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาลกันให้ได้