ทริปดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก

2 วัน 1 คืน
รถยนต์
ทำไมคุณไม่ลองไปชมทิวทัศน์อันงดงามของชนบทที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยก่อน เช่น หมู่บ้านที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก สระน้ำลึกลับที่มีตำนานมังกร และนาข้าวขั้นบันไดพร้อมทิวทัศน์อันสวยงามของผิวน้ำที่สะท้อนภาพซึ่งมองเห็นได้ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและปลายฤดูใบไม้ร่วงแห่งนี้?
เริ่มต้น
40 นาทีโดยรถยนต์จากสถานี JR สึนัน

1

หมู่บ้านอากิยามะโกที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก

ชมทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติทั้งสี่ฤดูกาล ภูมิทัศน์ดั้งเดิมและหัวใจของญี่ปุ่น

อากิยามาโกะ (Akiyamago) เป็นคำที่อ้างถึงหมู่บ้านต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่บริเวณตอนบนของแม่น้ำนาคัตสึ ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำชินาโนะ ในพื้นที่หุบเขาแคบ ๆ ที่คร่อมเขตจังหวัดนากาโนะและจังหวัดนีงาตะ

พื้นที่นี้ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงตระหง่านและหิมะที่ปกคลุมอย่างหนา โดยยังคงมีบรรยากาศแบบเดียวกับที่นักเขียนในศตวรรษที่ 19 เรียกว่า "ดินแดนแห่งเทพนิยาย" หลงเหลืออยู่ สภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในอากิยามาโกะนั้น โดยทั่วไปแล้วอาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และซึมซับภูมิปัญญาและความอบอุ่นของบรรพบุรุษของพวกเขา

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นสถานที่สวยงามที่คุณสามารถได้ยินเสียงนกป่าท่ามกลางแสงแดดที่ลอดผ่านต้นไม้เขียวขจี ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีคุณจะได้ยินความสุขของการเก็บเกี่ยวที่สะท้อนก้องอยู่ในหุบเขาที่มีสีสันสดใส และในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมเพิ่มความงดงามของหุบเขา

จึงเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่จะทำให้คุณหลงใหลในธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณได้อย่างแท้จริง

25 นาทีโดยรถยนต์

2

สระน้ำริวกากุโบะ โนะ อิเกะ

บ่อน้ำลึกลับที่ไม่เคยขุ่นและมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับมังกร

บ่อน้ำริวกาคุโบะ (Ryugakubo Pond) เป็นบ่อที่เกิดจากน้ำในใต้ดินจำนวนมากที่ได้รับการคุ้มครองมาตั้งแต่สมัยอดีต มีพื้นที่ประมาณ 1.2 เฮกตาร์ (ประมาณ 7.5 ไร่) โดยแต่ละวันมีน้ำพุ่งออกมาประมาณ 43,000 ตัน ปริมาณน้ำทั้งหมดจึงถูกถ่ายเปลี่ยนได้ในวันเดียว จึงกล่าวได้ว่าไม่สามารถหาชมน้ำพุบริเวณใกล้เคียงที่มีคุณภาพดีและจำนวนมากได้เท่ากับที่นี่อีกแล้ว

เนื่องจากบริเวณนี้ไม่มีแม่น้ำ ทำให้จำเป็นต้องอาศัยน้ำพุในการใช้งานทั้งหมดทั่วทุกพื้นที่ อีกทั้งยังนิยมใช้เป็นน้ำดื่มได้อีกด้วย มีจุดที่คุณสามารถดื่มน้ำพุดังกล่าวได้เพียงแค่เดินจากลานจอดรถไป 1 นาที บ่อน้ำแห่งนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติในจังหวัดนีงาตะปี 1974 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สุดยอดแหล่งน้ำของญี่ปุ่นในปี 1985

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าขานตำนานมากมายเกี่ยวกับบ่อน้ำริวกาคุโบะ ว่ากันว่ามีหมู่บ้านโดยรอบที่ปกป้องบ่อน้ำอยู่ 2 หมู่บ้าน แต่ละแห่งก็มีศาลเจ้าซึ่งจัดพิธีทางศาสนาในเดือนกรกฎาคมของทุกปี

35 นาทีโดยรถยนต์

3

หุบเขาคิยตสึ

ทัศนียภาพอันตระการตาของหุบเขาหลักทั้งสามของญี่ปุ่นกลายเป็นผลงานศิลปะที่ Echigo-Tsumari Art Triennale

หุบเขาคิโยสึ (Kiyotsu Gorge) เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสามหุบเขาที่สำคัญของญี่ปุ่น ร่วมกับหุบเขาคุโรเบะและหุบเขาโอซุกิดานิ ด้วยหน้าผาขนาดใหญ่ที่ทอดข้ามแม่น้ำทำให้เกิดช่องเขารูปตัว V ที่นี่จึงได้กำหนดให้เป็นจุดชมวิวระดับชาติและอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ

ทิวทัศน์ของแนวเสาหินอันงดงามและแม่น้ำคิโยสึที่มีชีวิตชีวานั้นงดงามมาก และสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนอยู่เสมอ นอกจากนี้ ที่งาน Echigo-Tsumari Art Triennale ปี 2018 อุโมงค์ทั้งหมดได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นงานศิลปะโดยนักสถาปัตยกรรมชื่อ Ma Yanson จากบริษัทสถาปัตยกรรมจีน MAD Architects

ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณด้านในของอุโมงค์เข้าไปยังหุบเขาและบริเวณหน้าทางเข้ายังสร้างพื้นที่ทางสถาปัตยกรรมและบรรยากาศทางศิลปะภายใต้คอนเซ็ปต์ "องค์ประกอบหลัก 5 ประการ" ของธรรมชาติ ได้แก่ ไม้ ดิน โลหะ ไฟ และน้ำแต่งแต้มสีสันเป็นลวดลายและชิ้นงานต่าง ๆ

ที่บริเวณหน้าทางเข้ามีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ออนเซ็นเท้า ร้านจำหน่ายของที่ระลึก รวมไปถึงมีร้านคาเฟ่อีกด้วย (ปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาว)

สำหรับใครที่สนใจ ก่อนออกเดินทางกรุณาตรวจสอบข้อมูลและสถานการณ์ปัจจุบันได้ทั้งในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และโซเชียลมีเดีย อาทิ X (Twitter) ด้วยนะ

50 นาทีโดยรถยนต์

4

มัตสึได ชิบาโตเกะออนเซ็น "อุนไก"

เหมือนกับลอยอยู่บนเมฆ! ออนเซ็นกลางแจ้งที่มองเห็นทะเลหมอก

"อุนไค (Unkai)" เป็นโรงแรมที่ภูมิใจนำเสนอออนเซ็นกลางแจ้งที่สามารถมองเห็นทะเลหมอก และทิวทัศน์มุมกว้างของภูเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุดให้ความรู้สึกราวกับว่าลอยอยู่เหนือเมฆ นอกจากนี้ ทิวทัศน์อันน่าอัศจรรย์ของภูเขาและเมฆที่ถูกย้อมด้วยสีของดวงอาทิตย์นั้นก็งดงามไม่แพ้กัน

การเพลิดเพลินกับออนเซ็นคุณภาพสูงพร้อมชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามจะช่วยค่อย ๆ ผ่อนคลายจิตใจและร่างกายของคุณ

โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยม สามารถมองเห็นภูเขาและนาข้าวขั้นบันได โดยคุณสามารถเพลิดเพลินกับทะเลหมอกจากห้องของคุณได้ อีกทั้งยังสามารถเต็มอิ่มไปกับอาหารที่ทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาลของนีงาตะ ซึ่งเป็นบรรยากาศอันน่าหวนคิดถึงของญี่ปุ่นอีกด้วย

พักค้างคืนที่มัตสึได ชิบาโตเกะออนเซ็น

10 นาทีโดยรถยนต์

5

มัตสึได "โนบุไต"

พิพิธภัณฑ์แบบเปิดที่สามารถดื่มด่ำศิลปะ อาหาร และการเกษตร ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของละแวก Echigo Tsumari

คอมเพล็กซ์ด้านวัฒนธรรมที่มุ่งค้นหาและเผยแพร่ความเป็นท้องถิ่นภายใต้ธีม "การพบกันของเมืองและชนบท"
จาก Matsudai Nohbutai ที่เป็นสิ่งก่อสร้างหลัก ไปสู่ปราสาท Matsudai ที่อยู่บนยอดเขา เป็นเส้นทางราว 2 กิโลเมตรที่กระจัดกระจายไปด้วยผลงานศิลปะประมาณ 40 รายการ สามารถชื่นชม เดินเล่น และสัมผัสวัฒนธรรมธรรมชาติของท้องถิ่น ทั้งยังมีโรงอาหารที่เสิร์ฟเมนูท้องถิ่นจากวัตถุดิบในพื้นที่อยู่อีกด้วย

Matsudai Nohbutai ออกแบบขึ้นโดยคณะสถาปนิกชาวฮอลแลนด์ที่ชื่อว่า MVRDV กล่าวได้ว่าตัวอาคารและห้องต่างๆ นั้นเองคือผลงานศิลปะที่ได้รับการออกแบบจากนักศิลปะหลากหลายคน
พิพิธภัณฑ์แบบเปิดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเดินชมผลงานศิลปะ พลางสัมผัสทิวทัศน์ป่าเขา รวมถึงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นและวัฒนธรรมการเกษตรของพื้นที่หิมะตกหนักที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
นอกจากการเดินเล่นภายในบริเวณแล้ว ยังสามารถเดินทางด้วยจักรยานเช่าหรือรถยนต์ได้อีกด้วย สามารถเลือกวิธีเที่ยวชมได้ตามจุดประสงค์หรือระยะเวลาที่คุณต้องการ

15 นาทีโดยรถยนต์

6

ป่าบิจิน

ป่าบีชอันงดงามที่มีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล

ป่าบิจินบายาชิ (Bijinbayashi Forest) เป็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยต้นบีชที่มีอายุกว่า 100 ปีทั่วเนินเขาบริเวณมัตสึโนยามะ โดยมีพื้นที่ถึง 3 เฮกตาร์ (ประมาณ 18 ไร่) ด้วยลักษณะต้นไม้ที่งดงามทำให้ได้ชื่อว่า "ป่าแห่งความงาม" ย้อนไปในช่วงปลายสมัยไทโช ต้นไม้ทั้งหมดในที่แห่งนี้ถูกตัดทำลายลงเพื่อทำถ่านทำให้กลายเป็นภูเขาที่ว่างเปล่า แต่ในปีถัดมาต้นบีชบนภูเขานี้ก็งอกขึ้นมาและเติบโตทั้งหมดในคราวเดียว ส่งผลให้เกิดรูปลักษณ์ปัจจุบัน อีกทั้ง ที่นี่ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของนกป่าจำนวนมากอีกด้วย

<ป่าบีชอันงดงามที่มีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล>
ในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้อ่อนจะแตกหน่อท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมอยู่ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึงแล้ว
ในฤดูร้อน บริเวณนี้ล้อมรอบด้วยแมกไม้เขียวขจี และคุณจะสัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดผ่านต้นบีช (ว่ากันว่าอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่โดยรอบ 2°C)
ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีส้มอันแสนงดงามที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในภาพวาด
ในฤดูหนาว คุณจะได้สัมผัสกับคำว่า "โลกสีเงิน" ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ และในวันที่มีแดด หิมะจะส่องประกายในแสงแดดอีกด้วย

20 นาทีโดยรถยนต์

7

กลุ่มนาขั้นบันไดเอจิโกะ มัตสึชิโระ นาขั้นบันไดโฮะชิโทะเกะ

ทิวทัศน์ "กระจกน้ำ" อันงดงามที่สามารถชมได้ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและปลายฤดูใบไม้ร่วง

นาขั้นบันไดโฮะชิโทะเกะ (Hoshitouge Terraced Rice Field) เป็นแหล่งรวมนาข้าวขนาดเล็กใหญ่กว่า 200 ผืนที่เรียงรายกันเหมือนเกล็ดปลาอยู่บนทางลาด โดยให้ทัศนียภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงฤดูกาลและช่วงเวลาเช้า เที่ยงวัน และกลางคืน ที่นี่เป็นเป็นนาขั้นบันไดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองโทคามาจิ ในช่วงเวลาเช้าจะมีทะเลหมอก และช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาที่มีการปล่อยน้ำ เนื่องจากจะได้ชมเงาสะท้อนจากน้ำ (กระจกน้ำ) ทำให้เต็มไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวและช่างภาพทั่วประเทศเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ นอกจากทะเลหมอกแล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับความเขียวขจีอันแสนสดใสใน่ช่วงฤดูร้อน และทัศนียภาพอันลึกลับของหิมะและนาข้าวในช่วงฤดูหนาว ในปี 2022 นาข้าวแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น "มรดกนาข้าวขั้นบันไดสึนากุ" จากนาข้าวทั่วประเทศ โดยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง

*โปรดตรวจสอบสภาพถนนก่อนออกเดินทาง เนื่องจากอาจมีหิมะตกในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน
*ในช่วงฤดูหิมะตก (โดยทั่วไปคือประมาณเดือนธันวาคม) บริเวณถนนไม่มีการกวาดหิมะ จึงไม่สามารถสัญจรโดยใช้รถยนต์และเข้าชมนาข้าวได้

เป้าหมาย